Video Insight หรือ ข้อมูลเชิงลึกของวิดีโอ ถือเป็นสิ่งสำคัญสำหรับพวกเราในฐานะ คอนเทนต์ ครีเตอร์ (Content Creator) โดยเฉพาะครีเตอร์ที่เน้นทำ คอนเทนต์ประเภทวิดีโอ (Video Content) เป็นหลัก (หนึ่งในนั้นก็ตัวผมเองด้วย) และยิ่งในยุคนี้ที่มีการใช้ ข้อมูลเป็นตัวขับเคลื่อน (Data-Driven) ข้อมูลเปรียบเสมือนสินทรัพย์ราคาสูง ที่ไม่ว่าจะแบรนด์ ลูกค้า หรือตัวเราเองในฐานะคนสร้างคอนเทนต์ก็ต้องการ เพื่อใช้ในการปรับปรุงพัฒนาคอนเทนต์ให้ตรงกับความต้องการของแบรนด์และลูกค้าเช่นเดียวกัน
แค่กก อิน พิมพ์ไปด้วยพูดไปด้วยเจ็บคอเลยครับฮ่า ๆ / และจากที่ผมได้เข้าไปฟังงาน The Power of Video 2021 Thailand ซึ่งจัดโดย Facebook ประเทศไทย (จริง ๆ ต้องเรียกว่า เมตา : Meta แล้ว) ซึ่งงานนี้เน้นพูดถึงเรื่อง Video Insight ต่าง ๆ ของคนไทย ที่ใช้แพลตฟอร์ม Facebook ในการดูวิดีโอคอนเทนต์ รวมไปถึงแนวโน้มในการซื้อด้วย
และข้อมูลที่เค้าเอามาแชร์ในงาน The Power of Video 2021 Thailand ตอบคำถามในหัวพวกนี้ของเราได้เลยครับ ไม่ว่าจะเป็น กลุ่มคนอายุเท่าไรที่ดูมากสุด? วิดีโอต้องความยาวประมาณไหนที่คนดูเยอะ? ใช้อุปกรณ์ไหนดู? และเชื่อว่าน่าจะถูกใจคนขายของ เค้าบอกได้ด้วยว่า ของประเภทไหนที่ขายดีที่สุดจากการใช้ Video เข้ามาช่วย
เพราะงั้น ผมขอสรุปเฉพาะส่วนสำคัญของเนื้อหา Video Insight นะครับ ส่วนอื่นอย่างกรณีศึกษาและเคสต่าง ๆ แนะนำให้ไปดูย้อนหลังได้จากเว็บไซต์ของงานได้เลยที่ https://thepowerofvideo2021thailand.splashthat.com/
- ว่าด้วยที่มาของข้อมูล Video Insight
- เพศชายและเพศหญิงใช้เวลาดูวิดีโอบน Facebook พอ ๆ กัน แต่ผู้หญิงจะเป็น Active User มากกว่า
- GEN-X และ Boommers คือ กลุ่มคนที่เสพวิดีโอคอนเทนต์บน Facebook มากที่สุด
- คนดูวิดีโอบน Facebook ผ่านโทรศัพท์สมาร์ทโฟนมากที่สุด (ไม่ใช่คอมพิวเตอร์หรือทีวี)
- วิดีโอความยาวสั้น (0 – 3 นาที) คนดูเยอะที่สุด รองลงมาคือวิดีโอความยาวปานกลาง (3 – 10 นาที)
- คนไทยนิยมดูวิดีโอจาก Facebook page / Publisher ที่ตัวเองติดตาม รวมถึงเพจที่ถูกแนะนำขึ้นมาให้ดู
- ว่าด้วยเรื่องเกี่ยวกับการโฆษณาบน Facebook
- สุดท้ายแล้ว
ว่าด้วยที่มาของข้อมูล Video Insight
สำหรับข้อมูล Video Insight ชุดนี้ในงาน The Power of Video 2021 Thailand เป็นการเก็บข้อมูลมาวิเคราะห์ทางสถิติที่ทำร่วมกันระหว่าง Facebook และ Kantar โดยใช้กลุ่มตัวอย่าง 500 มีการกระจายกลุ่มตัวอย่างให้หลากลายทั้งช่วงอายุ 18 – 60 ปี ทั้งที่อาศัยอยู่ต่างจังหวัดและในกรุงเทพ ปริมณฑล รวมถึงเรื่องรายได้ด้วย
ซึ่งจากกลุ่มตัวอย่างเหล่านี้เค้าสรุปเป็น Video Insight ออกมาได้ว่า
เพศชายและเพศหญิงใช้เวลาดูวิดีโอบน Facebook พอ ๆ กัน แต่ผู้หญิงจะเป็น Active User มากกว่า
จากข้อมูล ผู้ที่ดูวิดีโอใน Facebook เป็นเพศชาย 49% และเพศหญิง 51% ต่างกันแค่ 2% นั่นก็อาจบอกเราได้ว่า เรื่องของเพศไม่ได้ส่งผลอะไรกับการดูวิดีโอสักเท่าไร เพราะทั้งคุณผู้ชายและคุณผู้หญิงก็ต่างใช้เวลาในการดูวิดีโอบน Facebook พอ ๆ กัน แต่ผู้หญิงจะเป็น Active User มากกว่า เช่น การนั่งดูจนจบ การกดต่อ ฯลฯ มากกว่าผู้ชาย
สำหรับใครที่อาจจะกำลังแบ่งแนวการทำคอนเทนต์วิดีโอของตัวเอง ว่าคอนเทนต์นี้เน้นทำให้ผู้ชายดู คอนเทนต์นี้เน้นทำผู้หญิงดู ถ้าอิงตามข้อมูลนี้ เราอาจจะต้องเปลี่ยนแนวคิดในการทำคอนเทนต์แบบแบ่งเพศเสียใหม่นะครับ
แต่สิ่งที่จะแบ่งกันในการทำคอนเทนต์ได้จริง ๆ ผมว่าไม่เฉพาะแค่เรื่องวิดีโออย่างเดียว คือ ช่วงวัย (Generation) นั่นเองครับ
GEN-X และ Boommers คือ กลุ่มคนที่เสพวิดีโอคอนเทนต์บน Facebook มากที่สุด
กลุ่มอายุช่วง GEN-X และ Boommers มีอัตราการดูวิดีโอคอนเทนต์อยู่ 49% ซึ่งกินพื้นที่เกือบครึ่งนึงของแพลตฟอร์ม Facebook เข้าไปแล้ว ต่างจากเด็กรุ่นใหม่อย่าง Gen-Z ที่ดูวิดีโอบน Facebook แค่ 28% และ Millennials (GEN-Y) 23%
หลายคนน่าจะเคยได้ยินเด็กรุ่นใหม่เค้ามักจะบอกว่า Facebook เป็นแหล่งรวมคนอายุเยอะ เค้าเลยเลือกที่จะไปใช้แพลตฟอร์มอื่นมากกว่า ซึ่งถ้าว่าตามข้อมูลนี้ก็คงจะไม่ผิดครับ ฮ่า ๆ
เพราะงั้นการทำวิดีโอคอนเทนต์บน Facebook อาจไม่สามารถเจาะกลุ่ม Gen-Z หรือ GEN-Y ได้สักเท่าไร (ถ้าไม่ใช่คอนเทนต์ที่เค้าต้องการจริง ๆ)
แล้วคอนเทนต์วิดีโอประเภทไหนถึงจะเจาะได้? อันนี้ผมว่าก็คงไม่มีใครกล้าฟันธงขนาดนั้น แต่ส่วนใหญ่ที่ผมฟังมาจากหลายที่ เค้ามักจะบอกว่า คอนเทนต์ที่ดูแล้วไม่เครียด คอนเทนต์ตลก ให้กำลังใจ มักจะได้ผลดีมากกว่า (ในแง่คนดูเยอะขึ้น) เชื่อว่าแต่ละคนน่าจะมีวิธีพิจารณาของตัวเองว่าเราจะปรับคอนเทนต์ไปในทางไหน ผมขอไม่ชี้นำแล้วกันนะครับ เพราะพอผมเห็นข้อมูลนี้ ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน ฮ่า ๆ
ข้อมูลช่วงอายุเพิ่มเติม เผื่อท่านใดงง
- Boommers หรืออีกชื่อ Baby Boommers คือ กลุ่มคนที่เกิดในช่วง ค.ศ. 1946 – 1964 ( พ.ศ. 2489 – 2507 ) ถ้านับอายุอิงตามปัจจุบัน 2564 คนกลุ่ม Boommers จะอายุประมาณ 57 – 75 ปี
- GEN-X หรือ Generation X คือ กลุ่มคนที่เกิดในช่วง ค.ศ.1965 – 1980 (พ.ศ. 2508 – 2523) ถ้านับอายุอิงตามปัจจุบัน 2564 คนกลุ่ม GEN-X จะอายุประมาณ 41 – 56 ปี
- GEN-Y / Generation Y หรือ Millennials คือ กลุ่มคนที่เกิดในช่วง ค.ศ.1980 – 1994 (พ.ศ. 2523 – 2537) ถ้านับอายุอิงตามปัจจุบัน 2564 คนกลุ่ม GEN-Y จะอายุประมาณ 27 – 41 ปี
- GEN-Z หรือ Generation Z คือ กลุ่มคนที่เกิดหลังจากปี ค.ศ. 1995 (บางที่ว่า 1997) เป็นต้นไป เอาเป็นว่าคนกลุ่มนี้เป็นเด็กรุ่นใหม่ที่โตมาพร้อมเทคโนโลยี จะอายุประมาณ 9 – 24 (26) ปี
คนดูวิดีโอบน Facebook ผ่านโทรศัพท์สมาร์ทโฟนมากที่สุด (ไม่ใช่คอมพิวเตอร์หรือทีวี)
จากข้อมูลกว่า 98% คนไทยใช้โทรศัพท์สมาร์ทโฟนในการดูวิดีโอ ต่างจากทีวีหรือแทบเล็ตที่คนใช้น้อยที่สุด (ทั้งที่หน้าจอใหญ่กว่า ฮ่า ๆ)
ผมคิดว่าน่าจะเพราะเรื่อง ความสะดวกในการใช้งาน เลยทำให้คนไทยหันมาใช้สมาร์ทโฟนทำทุกอย่าง ด้วยขนาดเล็ก พกง่าย ต่อเน็ตก็ได้ในตัว ต่างจากอุปกรณ์อื่นที่อาจติดเรื่องขนาด การเคลื่อนย้ายที่ลำบากกว่าสมาร์ทโฟน
ในแง่คนทำคอนเทนต์ ข้อมูลนี้เราอาจจะต้องมาดูกันแล้วว่า คอนเทนต์ที่เราทำนั้นเมื่อแสดงผลบนสมาร์ทโฟนแล้วเป็นอย่างไร ใหญ่ไป เล็กไป เบลอไป ซึ่งให้อารมณ์คล้ายการทำเว็บไซต์ที่ Google ก็ให้ความสำคัญกับแสดงผลบนสมาร์ทโฟน รวมถึงการสิ่งที่ Google เรียกว่า Mobile-first indexing หรือ การทำดัชนีเว็บไซต์สำหรับการแสดงผลบนสมาร์ทโฟนก่อน
วิดีโอความยาวสั้น (0 – 3 นาที) คนดูเยอะที่สุด รองลงมาคือวิดีโอความยาวปานกลาง (3 – 10 นาที)
วิดีโอความยาวสั้น (Short Video) เป็นคอนเทนต์วิดีโอที่มีความยาวหลักวินาที – 3 นาที เป็นวิดีโอที่คนไทยนิยมดูมากที่สุดใน Facebook กว่า 57% และรองลงมาจะเป็นวิดีโอความยาวปานกลาง 3 – 10 นาที 40% และที่มีคนดูน้อยที่สุด คือ วิดีโอความยาว 10 นาทีขึ้นไป 3%
- สำหรับวิดีโอความยาวสั้น (0 – 3 นาที) คอนเทนต์ที่ได้รับความนิยมสูงสุด คือ วิดีโอตัวอย่างภาพยนตร์
- สำหรับวิดีโอความยาวปานกลาง (3 – 10 นาที) คอนเทนต์ที่ได้รับความนิยมสูงสุด คือ วิดีโอข่าวสาร
- สำหรับวิดีโอความยาว 10 นาที ขึ้นไป คอนเทนต์ที่ได้รับความนิยมสูงสุด คือ วิดีโอเนื้อหาดราม่า และวิดีโอแนวท่องเที่ยว / Documentary
นั่นอาจทำให้ Creator Video หลายคน (ผมด้วย) อาจจะต้องลองมองย้อนดูแล้วล่ะว่า การทำคอนเทนต์วิดีโอที่มีความยาวมาก ๆ อาจไม่ใช่แนวทางสำหรับ Facebook สักเท่าไรครับ
เราอาจจำเป็นต้องตัดเป็นความยาวแบบสั้น ๆ หรือการตัดเฉพาะส่วน Highlight นั้นออกมา เพื่อที่จะกระตุ้นให้คนดูอยากดูวิดีโอตัวเต็มต่อไป เหมือนอย่างแบรนด์ใหญ่ ๆ อย่างช่อง ONE / Workpoint ที่ตัดเฉพาะส่วนสำคัญมาให้คนอยากดู และให้ช่องทางในการดูต่อเอาไป เป็นต้น
คนไทยนิยมดูวิดีโอจาก Facebook page / Publisher ที่ตัวเองติดตาม รวมถึงเพจที่ถูกแนะนำขึ้นมาให้ดู
3 อันดับช่องทางที่คนไทยนิยมดูวิดีโอมากที่สุด คือ Facebook page ที่ตัวเองกดไลก์อยู่ รองลงมาคือ ดิจิทัลคอนเทนต์ต่าง ๆ และสุดท้ายจากเพจที่ถูกแนะนำขึ้นมา
ว่าด้วยเรื่องเกี่ยวกับการโฆษณาบน Facebook
สินค้าหรือแบรนด์ที่ผู้คนใน Facebook เห็นผ่านโฆษณามากที่สุด และมีแนวโน้มที่จะซื้อ มีอยู่ด้วยกัน 5 ประะเภท คือ
- อาหารและเครื่องดื่ม
- ร้านค้าออนไลน์ของแบรนด์ต่าง ๆ
- เสื้อผ้าและแฟชั่น
- ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดส่วนบุคคล
- ความบันเทิงต่าง ๆ
แต่โฆษณาที่ทำให้คนเกิดปฏิสัมพันธ์มากที่สุด เช่น การกดลิงก์ กดรีแอคชั่น การแชร์ต่าง ๆ คือ โฆษณาประเภท
- เสื้อผ้าและแฟชั่น 59%
- ร้านค้าออนไลน์ของแบรนด์ต่าง ๆ 54%
- อาหารและเครื่องดื่ม 49%
และยังมีข้อมูลต่ออีกว่า หลังจากที่คนเห็นโฆษณาสินค้าหรือผลิตภัณฑ์บน Facebook Watch คนที่เห็นเหล่านั้นไม่ได้ตัดสินใจซื้อในทันที แต่มีแนวโน้มว่าจะสนใจสินค้าและหาข้อมูลเพิ่มเติมก่อนตัดสินใจซื้อจริงครับ
สุดท้ายแล้ว
เชื่อว่าเพื่อน ๆ ทั้งที่เป็น Content Creator อยู่แล้ว หรือแม้กระทั่งแบรนด์หรือลูกค้าที่ได้อ่านสรุป Video Insight คนไทยชอบดููวิดีโอแบบไหนใน Facebook จากงาน The Power of Video 2021 Thailand น่าจะพอได้ไอเดียในการปรับคอนเทนต์ของตัวเองให้เข้ากับกลุ่มอายุของคนดูใน Facebook ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นคนมีอายุสักหน่อยใน GEN-X และ Boommers
รวมถึงการเลือกใช้ความยาวที่เหมาะสมในคอนเทนต์วิดีโอ เพื่อให้คนดูเหล่านั้นอยู่กับเรานานขึ้น ติดตามเราบ่อยขึ้น และอาจสร้างความ Royalty จนสามารถขายสินค้าหรือบริการต่าง ๆ ได้ด้วย ซึ่งก็ปฏิเสธไม่ได้จริง ๆ แหละครับว่า ในบางกรณีเราอาจจำเป็นต้องใช้การโฆษณาบน Facebook เข้ามาช่วยด้วย
สำหรับใครที่อยากรู้หัวข้ออื่นเพิ่มเติม แนะนำให้ไปดูย้อนหลังได้จากเว็บไซต์ของงานได้เลยที่ https://thepowerofvideo2021thailand.splashthat.com/
ยังไงถ้าเพื่อน ๆ คนไหนลองแล้วได้ผลเป็นยังไง เวิร์คไหมกับการใช้ข้อมูล Video Insight มาปรับกัน ลองมาแชร์กันได้นะครับ