“Your name wasn’t draw” นี่เป็นหนึ่งในอีเมลที่ผมก็ไม่อยากได้ครับ เพราะมันหมายความว่าเราไม่ได้ไปต่อในการ Raffle หรือลงทะเบียนสุ่มสิทธิ์ซื้อ ASICS x HAL Studio GEL-1130 MK II ‘Forest’ คู่นี้ ซึ่งเป็นคู่ที่ผมโคตรอยากได้เอามากๆ เพราะ ASICS x HAL Studio GEL-1130 MK II มันคือสนีกเกอร์ที่มาจากการ Collaboration พิเศษระหว่าง ASICS และ HAL Studio ที่สร้างแรงกระเพื่อมให้วงการรองเท้ามาหลากหลายแบรนด์ แถมวางจำหน่ายทั่วโลกแบบ Limited อีกต่างหาก (หนึ่งในนั้นคือประเทศไทยด้วย)
แม้การสุ่มรอบนี้ ผมจะไม่ได้สิทธิ์ซื้อเหมือนกัน(บีบมือ) แต่บางทีเจ้ากรรมนายเวรก็มาในรูปแบบสนีกเกอร์ ด้วยความอยากได้ ASICS x HAL Studio GEL-1130 MK II ‘Forest’ แบบเอาเป็นเอาตาย ผมเลยขอกัดฟันซื้อผ่านการ Resell เอามารีวิวให้เพื่อนๆ ได้ลองดูกันครับว่า HAL Studio คืออะไร? ทำไม ASICS GEL-1130 คู่นี้ถึงต้องมีการ Raffle? และ ASICS x HAL Studio GEL-1130 MK II ‘Forest’ คุ้มไหมที่จะซื้อมาใส่กันครับ!
HAL Studio คืออะไร? ไปมายังไงถึงมา Collaboration กับ ASICS
ปัจจุบัน HAL Studio คือ ครีเอทีฟเฮาส์(Creative House) ที่โฟกัสงานด้านการดีไซน์เป็นหลัก ไม่ได้โฟกัสที่การขายรองเท้าเพียงอย่างเดียว แต่ผสานเอาแนวคิดด้านการดีไซน์เข้ามาอยู่ใน HAL Studio ด้วย
เพียงแต่ HAL Studio เป็นธุรกิจที่ส่วนต่อขยายของร้าน Highs and Lows โดย Matthew Thomas และ John Bouquet อีกทีนึง ซึ่งถ้าเรามองในแง่ธุรกิจ การแยกส่วนออกมาบริษัทหลักก็เพื่อความชัดเจนมากขึ้นในการดำเนินธุรกิจสายต่างๆ นั่นเองครับ
HAL Studio เค้าก็นิยามตัวเองไว้อย่างชัดเจนแล้วบนบนเว็บไซต์ว่า
ซึ่งงานดีไซน์ของ HAL Studio จะมีความเกี่ยวข้องกับหลายสิ่งหลายอย่าง ไม่ว่าจะเรื่องวัฒนธรรม ศิลปะ ดนตรี ฯลฯ ซึ่งทั้งหมดทั้งวลนี้สามารถประยุกต์กับงานดีไซน์ได้ หนึ่งในนั้นก็คือ งานดีไซน์รองเท้า ที่ HAL Studio ได้ไปร่วม Collaboration กับอีกหลายแบรนด์ รวมถึงแบรนด์ ASICS ด้วย
ว่าด้วยรองเท้า ASICS GEL-1130 ที่ HAL Studio หยิบมาใช้
ASICS GEL-1130 เป็นอีกหนึ่งในสนีกเกอร์รุ่นในตำนานของ ASICS ของช่วงยุคปี 2000 เลยก็ว่าได้ สำหรับ ASICS GEL-1130 เคยผลิตออกมาแล้วเมื่อปี 2008 และถ้ายังจำกันได้ เป็นปีเดียวกันกับที่ ASICS GEL-KAYANO 14 ปล่อยออกมาเหมือนกัน อาจเรียกได้ว่า ปี 2008 เป็นปีกำเนิดสนีกเกอร์ไอคอนนิค 2 รุ่นของ ASICS เลยก็ว่าได้
แน่นอนว่าเมื่อปี 2008 – ASICS GEL-1130 คือรองเท้าวิ่ง แต่ในปัจจุบัน GEL-1130 จะถูกจัดอยู่ในหมวดของ ASICS SportStyle เน้นการใส่ลำลองมากกว่าครับ ไม่อยากแนะนำให้เอาไปใส่ออกกำลังกายหนักๆ
ปัจจุบัน ASICS GEL-1130 ถูกนำกลับมาทำใหม่และปล่อยออกมาขายแล้วหลายรุ่น มีทั้งในรุ่นปกติที่มาจาก ASICS เอง และรุ่นที่ไป Collaboration กับแบรนด์ต่างๆ เช่น NAKED COPENHAGEN, P.E Nation, Naruto Shippuden ฯลฯ
แต่สำหรับสนีกเกอร์ในรีวิวนี้ คือ ASICS GEL-1130 ที่ Collaboration กับ HAL Studio นั่นคือ ASICS x HAL Studio GEL-1130 MK II ‘Forest’ นั่นเองครับ
ASICS GEL-1130 x HAL Studio ก่อนพฤกษา(Forest) ล้วนปฐพี(Earth)
จริงๆ ก่อนหน้า ASICS GEL-1130 MK II ‘Forest’ คู่นี้ HAL Studio เคยปล่อย ASICS GEL-1130 อีกคู่เมื่อปีก่อน โดยใช้ชื่อว่า ‘Earth’ หรือชื่อเต็ม ASICS x HAL Studio GEL-1130 ‘Earth’
ซึ่งเคยเข้าที่ร้าน Carnival เมื่อ 22 เมษายน 65 ปีที่ผ่านมา (และผมก็ไม่มีดวงอยู่ดีครับ แหะๆ)
สังเกตว่าใน Collaboration ระหว่าง ASICS GEL-1130 x HAL Studio ยังคงคอนเส็ปต์ดีไซน์ที่เกี่ยวข้องธรรมชาติ ผืนโลก และผืนป่า
- ASICS x HAL Studio GEL-1130 ‘Earth’ ได้แรงบันดาลใจในการดีไซน์จากธรรมชาติ ซึ่งสื่อถึง โลกของเรา
- ส่วน ASICS x HAL Studio GEL-1130 MK II ‘Forest’ ได้แรงบันดาลใจจากธรรมชาติเช่นกัน ครั้งนี้สื่อถึง ผืนป่า ตามชื่อเล่นเลยครับ
ทำไม ASICS x HAL Studio GEL-1130 คู่นี้ต้องใช้การลงทะเบียนสุ่ม(Raffle)
คำตอบคือ ASICS x HAL Studio GEL-1130 MK II ‘Forest’ ผลิตออกมาน้อย อาจเรียกว่าเป็นรุ่น Limited Edition ก็ได้ และกระแสตอบรับ Collaboration ASICS x HAL Studio ค่อนข้างดี ดังนั้น การวางจำหน่ายแบบทั่วโลกผ่านทาง ASICS และร้านชั้นนำต่างๆ โดยที่ตัวรองเท้ามีจำกัด เลยต้องใช้การลงทะเบียนสุ่ม(Raffle) นั่นเองครับ
สำหรับของไทย ASICS x HAL Studio GEL-1130 MK II ‘Forest’ มีลงทะเบียนสุ่มไปแล้วเมื่อวันที่ 8 – 10 พ.ค. ที่ผ่านมา ทั้งจาก ASICS และร้าน ATMOSBKK แต่อย่างที่ทราบกัน “ผมไม่ได้” แต่ความอยากได้ก็ยังมีมากกว่า ก็เลยต้องไปเพิ่งฝั่ง Resell ราคาเจ็บๆ แทนฮะ
เอาล่ะ ผมว่าน่าจะพอแล้วกับประวัติ ASICS GEL-1130 และ HAL Studio 101 ถัดจากนี้ ผมจะเริ่มลงรีวิว ASICS x HAL Studio GEL-1130 MK II ‘Forest’ และภาพ On feet ให้ได้ดูกันครับ
รีวิว ASICS x HAL Studio GEL-1130 MK II ‘Forest’
ตอนนี้มีรีวิว ASICS GEL-1130 Hal Studios แล้วฮะ ครั้งนี้ขอรีวิว เล่าเรื่องราวความเป็นมาของ ASICS GEL-1130 Hal Studios และแชร์วิธีการถ่ายภาพรองเท้าแบบง่ายๆ (ที่ทำตามได้เลย) นั่นคือ การถ่ายภาพ Flat lay หรือ Flat lay Photography ซึ่งจะหยิบเอาเจ้า GEL-1130 คู่นี้มาถ่ายให้ดูกันครับ ^^
กับมีวิดีโอ Unbox ASICS GEL-1130 Hal Studios แบบสั้นๆ ตอนได้ช่วงแรกฮะ
ว่าด้วยเรื่องคู่สีและดีไซน์
สิ่งที่สะดุดตาผมก่อนใครเลย คือ สีส้ม ซึ่งเป็นหนึ่งในสี CI ของ HAL Studio และเป็นจุดนำสายตาตามตำแหน่งต่างๆ ใน ASICS x HAL Studio GEL-1130 MK II ‘Forest’ ซึ่งผมลองดูแล้ว มีสีส้มอยู่ด้วยกัน 3 จุดใหญ่ครับ
จุดแรก : แถบดีไซน์สีส้ม บริเวณส้นเท้า
แถบสีส้มบริเวณส้นเท้า ตอนแรกผมเข้าใจว่าจุดนี้คือ เทคโนโลยี GEL แต่พอลองสัมผัสดู คิดว่าไม่น่าใช่ น่าจะเป็นเพียงลวดลายหรือดีไซน์ประกอบมากกว่า
แน่นอนว่า ASICS x HAL Studio GEL-1130 MK II Forest คู่นี้มีเทคโนโลยี GEL อยู่ด้วย แต่น่าผสานอยู่ข้างใน Midsole ไม่ได้โชว์ออกมาให้เห็นเหมือนกับรุ่นอื่นๆ อย่าง GEL-KAYANO 14 ที่มี GEL ให้เห็นจากภายนอกเลย
ไหนๆ ก็เริ่มรีวิวที่บริเวณส้นเท้าแล้ว สังเกตเห็นจุดใกล้เคียง คือ ป้ายสลักคำว่า HAL และ Studios ซึ่งหมายถึง HAL STUDIOS เอาไว้ที่ด้านหลังรองเท้า
สำหรับป้ายแท็กอันนี้เป็นพลาสติกแบบขุ่น โดยเจ้าป้ายแท็กนี้จะมีทั้งสองข้างเลยครับ
ผมเดาว่า ณ ช่วงเวลานึง ป้ายแท็ก HAL นี้อาจเปลี่ยนจากสีขาวขุ่นไปเป็นสีเหลืองขุ่นแทน หรือถ้าใครใส่บ่อยๆ อาจเร่งให้มันเหลืองเร็วขึ้น ซึ่งอยากให้มองเป็นเรื่องธรรมดาของพลาสติกนะฮะ
จุดที่สอง : ป้ายห้อย/แท็กสีส้ม รองเท้าข้างซ้าย
ถ้ารองเท้าทั่วไป ป้ายแท็กหรือป้ายห้อยส่วนใหญ่จะเป็นกระดาษอย่างเดียวใช่ไหมครับ แต่สำหรับ ASICS x HAL Studio GEL-1130 MK II Forest คู่นี้มีแบบกระดาษและไม่ใช่กระดาษ
ส่วนที่ไม่ใช่กระดาษ คล้ายยางซิลิโคนหนาๆ หน่อย ความหนาประมาณ 4 มิลลิเมตร ร้อยด้วยสายคล้องติดกับรูร้อยเชือกรูสุดท้ายของรองเท้าข้างซ้าย
ในป้ายแท็กอันนี้จะมีทั้งข้อความ สัญลักษณ์ และคำอธิบายสั้นๆ แบบปั้มนูนเอาไว้ทั้ง 2 ด้าน
- ด้านแรก – เป็นโลโก้ ASICS ข้อความ รหัสรองเท้า และคำอธิบายสั้นๆ ในแบบปั้มนูนว่า Art & Technology. A New Unity. HS_RS_MK_II. GEL-1130. 2023. “Maximal Minimalism”
- ด้านสอง – เป็นโลโก้ ASICS แบบปั้มนูน
จุดที่สาม : แผ่นรองเท้าด้านในสีส้ม
จุดนี้น่าจะเป็นจุดที่แปลกที่สุดสำหรับผมแล้วล่ะ เพราะแผ่นรองเท้าด้านในของ ASICS x HAL Studio GEL-1130 MK II Forest คู่นี้เป็น วัสดุประเภทหนังเทียม แต่ไม่ได้หมายความว่าเป็นหนังเทียมทั้งแผ่นนะครับ หนังเทียมจะฉาบเฉพาะส่วนบนของแผ่น ส่วนด้านล่างจะเป็นวัสดุคล้ายฟองน้ำเหมือนเดิม
วัสดุต่างๆ ที่ใช้ในสนีกเกอร์คู่นี้
สำหรับใครที่กังวลเรื่องวัสดุหนังเทียมที่ใช้ในแผ่นรองเท้า ว่ามันอาจจะทำให้เท้าร้อนหรืออับ อยากให้สบายใจได้ครับ เพราะระบบระบายอากาศของ ASICS x HAL Studio GEL-1130 MK II คู่นี้ไม่เป็นรองใครแน่นอน (ดีไม่ดี อาจระบายได้ดีกว่าคู่อื่นๆ เสียอีก)
ผ้าตาข่ายที่ใช้ใน GEL-1130 คู่นี้ HAL Studio บอกว่าเป็น ผ้าตาข่ายที่มีการระบายอากาศแบบพิเศษ (Wide-open breathable mesh) ซึ่งจากที่ผมใส่ดูมันก็เป็นแบบนั้นจริงๆ ครับ ใส่สบายมาก แทบไม่ร้อนเท้าเลย
ถ้าจะพิเศษแค่ผ้าตาข่ายระบายอากาศอย่างเดียว คงจะเสียชื่อเสียกระแส Collaboration ASICS x HAL Studio ได้ ดังนั้น จึงมีการใช้วัสดุประเภทหนังเพื่อเพิ่มความพรีเมี่ยมให้ตัวรองเท้า ได้แก่
- หนังกลับมีขน(Hairy suede)
- หนังเทียม(Faux leather)
ซึ่งส่วนใหญ่จะอยู่ที่ส่วน Upper ของ ASICS x HAL Studio GEL-1130 MK II มากกว่า
หนังกลับแบบมีขน(Hairy suede) จะอยู่ที่ส่วนปลายเท้าด้านหน้า จุดที่ผมชอบเรียกว่า Cap ส่วนที่เป็นสัญลักษณ์ของแบรนด์ ASICS ด้านข้างรองเท้า
สีของหนังกลับแบบมีขนจะเป็นสีออกเขียวขี้ม้า สีเดียวกันกับสีผ้าตาข่าย เพียงแต่เป็นคนละเฉดสีกัน เพื่อให้เห็นถึงลวดลายและดีไซน์ของรองเท้า แต่ในบางจุด หนังเทียมมีขน ก็จะมีสีครีมสลับกัน
ส่วนหนังเทียม(Faux leather) ส่วนใหญ่จะเป็นลวดลายดีไซน์ประกอบรองเท้าตามจุดต่างๆ เช่น หนังเทียมสีน้ำตาลเข้มเป็นลวดลายพาดจากตรงลิ้นรองเท้าไปถึงด้านหลัง
หนังเทียมสีครีม เป็นลวดลายตามกรอบรองเท้าด้านหน้า รอบรูร้อยเชือก ซึ่งจะมีสลับกับหนังเทียมสีน้ำตาลในบางตำแหน่ง
อีกหนึ่งความพิเศษของ ASICS x HAL Studio GEL-1130 MK II Forest คู่นี้ คือ เชือกรองเท้า เพราะเค้าจะให้เชือกรองเท้าเพิ่มมาอีก 1 คู่ คือ สีน้ำตาลเข้ม เผื่อว่าใครต้องการเปลี่ยนสีเชือกเดิม(สีขาว)ที่ร้อยมาพร้อมรองเท้าแล้ว
ถ้าถามความเห็นส่วนตัว ผมชอบเชือกสีขาวมากกว่า เพราะมันตัดกับสีเขียวขี้ม้าที่เป็นสีหลักของตัวรองเท้าได้ดี แต่ก็เคยเห็นพี่คนนึงเค้าเปลี่ยนเอาสีน้ำตาลใส่แทนก็สวยไปอีกแบบ เอาเป็นว่าชอบสีไหนก็เปลี่ยนใส่ได้เลยครับ สวยทั้งคู่เลย
ว่าด้วยเรื่องเทคโนโลยีรองเท้า
อย่างที่บอกไปในรีวิวตอนต้น ASICS x HAL Studio GEL-1130 MK II Forest ในส่วน Midsole มีเทคโนโลยี GEL ที่ช่วยลดแรงกระแทกเวลาสวมใส่และทำให้รู้สึกนิ่มสบายมากขึ้น
แต่ยังมีเทคโนโลยี TRUSSTIC เสริมส่วนโครงยึดติดบริเวณส่วนโค้งของรองเท้า(ตำแหน่งเดียวกับที่อุ้งเท้าเราอยู่) ช่วยปรับสมดุลแรงกดของเท้าเวลาสวมใส่ ทำให้ใส่รู้สึกมั่นคงและไม่ให้รองเท้าผิดรูปจากที่ควรเป็นด้วย
ในส่วนพื้นรองเท้าทำจากยางและ EVA sole ช่วยให้ยึดเกาะได้ดี และให้ความรู้สึกว่าพื้นรองเท้าไม่แข็งจนเกินไป
ความรู้สึกหลังใส่ ASICS x HAL Studio GEL-1130 MK II Forest
ให้ความรู้สึกเหมือนใส่ ASICS GEL-1090
ถ้าให้ผมเปรียบเทียบกับรองเท้าในสาย ASICS SportStyle ที่ผมเคยใส่มา ผมว่า ASICS x HAL Studio GEL-1130 MK II Forest คู่นี้ให้ความรู้สึกเหมือนตอนใส่ ASICS GEL-1090 เลยครับ เพียงแต่ GEL-1130 คู่นี้จะนิ่มสบายกว่า
ใส่แล้วรู้สึกเบากว่า ASICS GEL-KAYANO 14 พอสมควร
คนที่ชินกับการใส่ ASICS GEL-KAYANO 14 แบบผม ถ้าได้มาใส่ ASICS x HAL Studio GEL-1130 MK II Forest คู่นี้ จะรู้สึกเลยครับว่า GEL-1130 เบากว่า GEL-KAYANO 14 มากพอสมควรเลย เบาสบาย ดีดเด้งได้ดี แต่สำหรับใครที่ชินกับการใส่รองเท้ามีน้ำหนัก อาจจะรู้สึกว่า GEL-1130 เบาเกินไป ซึ่งก็แล้วแต่ความชอบแต่ละคนเลยครับ
เป็นทรง Dad Shoes ที่มีส่วนเว้า-ส่วนโค้ง ไม่ตัน
ASICS x HAL Studio GEL-1130 MK II Forest คู่นี้ ค่อนข้างแตกต่างกับทรง Dad Shoes ทั่วไป เพราะมันมีดีไซน์ส่วนเว้า-ส่วนโค้งทำให้ดูเพรียว-โฉบเฉี่ยวกว่า Dad Shoes คู่อื่น
เช่น ดีไซน์ให้ดูโค้งตรงตำแหน่งอุ้งเท้า หรือส่วนหน้าเท้าที่จะดูเชิดขึ้นหน่อย ถ้ามองภาพรวมจะเหมือนเป็นตัวอักษร S แบบจางๆ ไม่ได้เว้ามากจนเป็น S ชัดเจนฮะ
สรุป ASICS x HAL Studio GEL-1130 MK II ‘Forest’ คุ้มไหมที่จะซื้อ
ถ้าเงื่อนไขคือ ราคาป้าย (5,900) ผมว่า ASICS x HAL Studio GEL-1130 MK II ‘Forest’ คุ้มค่าที่จะซื้อมากๆ ครับ เพราะใส่สบาย ใส่แล้วเท่(อาจจะไม่ใช่ผม) แถม Collaboration พิเศษนี้ไม่ได้หาได้ทั่วไป เป็นรุ่น Limited Edition เพราะงั้นโอกาสซ้ำกันอาจจะยากขึ้นอีกหน่อยครับ (สำหรับใครที่ซีเรียสเรื่องนี้)
แต่นอกเรื่องใส่แล้วเท่แล้ว ASICS x HAL Studio GEL-1130 MK II ‘Forest’ คู่นี้เป็นรองเท้าที่อยู่ในกระแสของนักสะสม-นักเก็งกำไร นั่นหมายความว่า เราสามารถนำมาขายต่อเพื่อเก็งกำไรได้อีกทางนึง
อย่างตอนนี้ ราคา Resell ของ ASICS x HAL Studio GEL-1130 MK II ‘Forest’ จากเว็บไซต์ SASOM อยู่ที่ ไซต์ 8.5 US อยู่ที่ 10,500 บาท
ส่วนตัวผมจะไม่ค่อยสนับสนุนการซื้อรองเท้าเพื่อมาขายเก็งกำไรสักเท่าไร เพราะผมเป็นสายคนซื้อมาใส่มากกว่า แต่ก็เป็นสิทธิ์และความพึงพอใจของแต่ละบุคคลนะครับ-ไม่ว่ากัน
ASICS x HAL Studio GEL-1130 MK II ‘Forest’ ซื้อที่ไหน?
เนื่องจากเป็นการสุ่มรับสิทธิ์ซื้อเพราะรองเท้ามีจำกัด ซึ่งการสุ่มจบลงแล้วเมื่อ 10 พ.ค. ที่ผ่านมา ดังนั้น ถ้าใครอยากได้หลังจากนี้ อาจต้องเพิ่งมาร้าน Pre-order หรือ Reseller แทนแล้วครับ
ASICS x HAL Studio GEL-1130 MK II ‘Forest’ ใส่ตรงไซต์ไหม?
ส่วนตัวผมใส่ตรงไซต์นะครับ ไม่ต้องบวกเพิ่ม (ผมใส่เท่า GEL-KAYANO 14) แต่ถ้าใครชอบใส่แบบหลวมๆหน่อย เชือกยาวขึ้น อาจแนะนำให้ +0.5 จากไซต์ปกติก็ได้ครับ ทั้งนี้ทั้งนั้น ไซต์และรูปเท้าแต่ละคนไม่เหมือนกัน อาจะแนะนำให้ลองใส่ GEL-1130 รุ่นอื่นก่อน เพื่อดูว่าเท้าเราควรเป็นไซต์ไหนดีที่สุดครับ
นอกจาก GEL-1130 Hal studios แล้ว ผมเพิ่งไปสุ่มได้ ASICS GT-2160 มาครับ! ครั้งแรกเลยที่สุ่มรองเท้าได้กับเค้า! อีกหนึ่งคู่ที่จะเห็นผมใส่บ่อยๆ ไม่แพ่ GEL-1130 Hal studios คู่นี้แน่นอนครับ! ;P